
คำถามที่พบบ่อย: การอัปเดตเนื้อหาและเพิ่มฟีเจอร์เพิ่มเติมหลังจากเปิดใช้งานเว็บไซต์แล้ว
การอัปเดตเนื้อหา / เพิ่มฟีเจอร์เพิ่มเติม หลังจากที่เว็บไซต์ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ย่อมมีโอกาสที่คุณต้องการปรับปรุงหรือเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น อัปเดตเนื้อหา (เช่น บทความ, รูปภาพ, ข้อมูลสินค้า) หรือ เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ (เช่น ระบบสมาชิก, ระบบชำระเงิน, เชื่อมต่อ APIs ภายนอก) ซึ่งในตารางราคาเราอาจระบุเพียงว่า “อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่างานเหล่านี้อยู่นอกเหนือจากแพ็กเกจหลัก ด้านล่างคือแนวทางการประเมินค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนขึ้น:
1) อัปเดตเนื้อหา (Content Updates)
- กรณีมี CMS (Content Management System)
- ลูกค้าสามารถอัปเดตบทความ, เปลี่ยนรูปภาพ, หรือแก้ไขข้อความได้เองตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างทีมงานเพิ่มเติม
- แต่หากเป็นการปรับเปลี่ยนดีไซน์เว็บหรือเพิ่ม Section ใหม่ จำเป็นต้องประเมินว่าซับซ้อนเพียงใด อาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยตามชั่วโมงงานหรือรายครั้ง
- กรณีไม่มี CMS
- ทุกการแก้ไขที่ต้องเปลี่ยนโค้ด หรืออัปโหลดไฟล์ใหม่ ต้องให้ทีมงานดำเนินการ อาจมีค่าใช้จ่ายแยกเป็น “รายครั้ง” หรือ “แพ็กเกจดูแลรายเดือน/รายปี” ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับปริมาณและความถี่ในการอัปเดต
2) เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ (New Features / Integration)
- งานขนาดเล็ก (เช่น เพิ่มฟอร์มติดต่อ, ใส่ระบบแชทสด, ปรับแต่งสไตล์เล็กน้อย)
- มักประเมินเป็น “ราคาเหมา (Fixed Price)” ต่อครั้ง หรือ “อัตรารายชั่วโมง” (Hourly Rate) โดยอ้างอิงจากระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาและทดสอบ
- งานขนาดกลาง–ใหญ่ (เช่น เชื่อมต่อ Payment Gateway หลายขั้นตอน, ระบบสมาชิก, API ซับซ้อน, หรือฟีเจอร์เชิงธุรกิจเฉพาะ)
- อาจต้องวางแผนรายละเอียด, เขียนสโคปงาน (Scope), ออกแบบ UI/UX เพิ่ม, ทดสอบการใช้งาน ฯลฯ
- มักกำหนดเป็น “โปรเจกต์ย่อย (Mini Project)” พร้อมใบเสนอราคาต่างหาก เพื่อคำนวณระยะเวลาและทรัพยากรได้ชัดเจน
- ราคาอาจเริ่มจากหลักพันไปจนถึงหลักหมื่นหรือมากกว่านั้น ขึ้นกับความซับซ้อน
3) รูปแบบการคิดเงิน (อย่างคร่าว ๆ)
รายชั่วโมง (Hourly Rate)
- เหมาะกับงานเล็ก ๆ ที่ทำไม่นาน เช่น แก้บั๊กเล็กน้อย ปรับโค้ดเล็ก ๆ น้อย ๆ
- เราอาจกำหนดเรตมาตรฐาน (สมมุติ 500–1,500 บาท/ชั่วโมง ขึ้นกับทักษะและต้นทุนทีม) เพื่อให้ลูกค้ารู้คร่าว ๆ ว่าหากใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็ประมาณ 1,000–3,000 บาท
ราคาเหมา (Fixed Price) รายครั้ง
- ถ้ารู้ขอบเขตชัด เช่น “เพิ่มแบบฟอร์มใหม่ 1 หน้า พร้อมเชื่อมระบบอีเมล” เราอาจตีราคาเหมารวม 2,000–5,000 บาท (ขึ้นกับความยากง่าย)
- ลูกค้าสบายใจได้ว่าจะไม่บานปลาย ส่วนเราก็มั่นใจในสโคป
โปรเจกต์ย่อย (Mini Project)
- สำหรับการทำฟีเจอร์หรือระบบใหญ่ขึ้น เช่น ระบบสมาชิก, ระบบอีคอมเมิร์ซเบื้องต้น, หรือเชื่อมต่อ API ภายนอกหลายจุด
- เราจะทำการวิเคราะห์ (Requirement Gathering) คล้ายกับตอนประเมินแพ็กเกจหลัก แล้วเสนอราคาและเวลาตามเนื้อหา
Maintenance/Support รายเดือน/รายปี
- ถ้าลูกค้าต้องการให้เราดูแลต่อเนื่อง ทุกเดือนมีอัปเดตบทความจำนวนหนึ่ง หรือปรับโค้ดเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถตกลงทำเป็น “แพ็กเกจรายเดือน” หรือ “รายปี” เพื่อความคุ้มค่า
- ราคาอาจอยู่ที่หลักพันถึงหลักหมื่นต่อเดือน (หรือปี) ขึ้นกับความถี่และความยากของงาน
4) ความคุ้มค่าและความสมเหตุสมผล
- ก่อนทำการเพิ่มฟีเจอร์หรืออัปเดต ทางทีมงานจะสอบถามเป้าหมายและวิเคราะห์ว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร เพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียเงินไปกับฟีเจอร์ที่อาจไม่ได้ใช้งานจริง
- การกำหนดเรตราคาหรือรูปแบบค่าใช้จ่าย จะคำนึงถึง ระยะเวลา, ทรัพยากร, และ คุณค่าที่ลูกค้าได้รับ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกคุ้มค่าและเป็นธรรม
- เราไม่เคลมว่าตัวเองเป็น “Full-service agency” ด้าน Marketing หรือ System Integration แต่เราจะช่วยเท่าที่ความเชี่ยวชาญเรารองรับ หากงานซับซ้อนเกินขอบเขต เราอาจแนะนำให้ลูกค้าร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นโดยตรง
สรุป
การอัปเดตเนื้อหาและเพิ่มฟีเจอร์เป็นเรื่องปกติเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากธุรกิจเติบโตและต้องการเสริมความสามารถให้เว็บไซต์ เราจึงมี ตัวเลือกการคิดราคา หลากหลาย เช่น รายชั่วโมง, รายครั้ง, หรือ Mini Project เพื่อความยืดหยุ่น
- หากเป็นการอัปเดตเล็กน้อยและเว็บมี CMS ลูกค้าสามารถทำเองได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
- หากต้องการเพิ่มฟีเจอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่นอกเหนือแพ็กเกจ ทีมงานจะ ประเมินความซับซ้อน และ เสนอราคา ตามเหมาะสมล่วงหน้า
- ทั้งนี้ทุกครั้งก่อนเริ่มงาน เราจะ สื่อสารอย่างชัดเจน ถึงสโคปงานและค่าใช้จ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือบานปลายในภายหลัง
ด้วยแนวทางนี้ ลูกค้าจะสามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างมั่นใจและพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุน เมื่อธุรกิจหรือเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทีมงานยินดีปรับตัวและช่วยคุณปรับฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมที่สุดครับ!